เนื้องอกในเบ้าตาคืออะไร?
เบ้าตา (orbit) คือช่องกระดูกที่บรรจุดวงตา กล้ามเนื้อ เส้นประสาท ไขมัน และหลอดเลือด หากมีการเจริญเติบโตผิดปกติในบริเวณนี้ จะเรียกว่า เนื้องอกในเบ้าตา ซึ่งอาจเป็นได้ทั้ง
- ชนิดไม่ร้ายแรง (ไม่ใช่มะเร็ง)
 - ชนิดร้ายแรง (มะเร็ง)
 - เกิดขึ้นเองในเบ้าตา (primary)
 - ลุกลามมาจากบริเวณอื่น เช่น โพรงไซนัส ผิวหนัง หรือสมอง
 
เนื้องอกในเบ้าตาสามารถพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ บางชนิดโตช้า แต่บางชนิดโตเร็ว
อาการ
ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการในระยะแรก แต่อาการที่พบได้ ได้แก่
- ตาปูดนูนออกมา (proptosis)
 - เห็นภาพซ้อน
 - ปวดตาหรือรู้สึกกดดันในตา
 - มองเห็นมัวลงหรือสายตาลดลง
 - หนังตาบวม หรือตาตก
 
ในบางกรณี หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวรได้ ดังนั้นหากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบจักษุแพทย์เฉพาะทางสาขาศัลยกรรมจักษุตกแต่งและเสริมสร้าง (oculoplastic surgeon)
การวินิจฉัย
เริ่มจากการตรวจตาและเปลือกตาโดยละเอียด และอาจต้องทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น
- เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือ MRI เพื่อตรวจหาขนาดและตำแหน่งของก้อน
 - การตัดชิ้นเนื้อ (biopsy) เพื่อตรวจยืนยันชนิดของเนื้องอก
 
วิธีการรักษา
ขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และตำแหน่งของเนื้องอก ได้แก่
- การเฝ้าระวัง – สำหรับก้อนที่เล็กและไม่ร้ายแรง
 - การผ่าตัดเอาออก
 - การฉายรังสี
 - การให้ยาเคมีบำบัดหรือภูมิคุ้มกันบำบัด
 
ในบางกรณีอาจต้องทำงานร่วมกับศัลยแพทย์สมอง หรือแพทย์หู คอ จมูก หากก้อนอยู่ในตำแหน่งที่ซับซ้อน
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน
เนื้องอกในเบ้าตาอาจกระทบการมองเห็นหรือการเคลื่อนไหวของตาได้
การรักษา เช่น การผ่าตัด ก็มีความเสี่ยง เช่น
- เลือดออก
 - การติดเชื้อ
 - การมองเห็นเปลี่ยนแปลง
 - อาจต้องผ่าตัดซ้ำ
 
สรุป
เนื้องอกในเบ้าตาพบไม่บ่อย แต่สามารถรักษาได้ บางชนิดเพียงเฝ้าดูอาการ แต่บางชนิดต้องรีบรักษา จักษุแพทย์เฉพาะทางสาขาศัลยกรรมจักษุตกแต่งและเสริมสร้าง จะเป็นผู้วางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพื่อปกป้องการมองเห็นและสุขภาพดวงตาของคุณ
