ท่อน้ำตาคืออะไร?
ปกติแล้ว น้ำตาจะไหลออกจากดวงตาผ่านทางระบบระบายน้ำตา โดยเริ่มจากรูเล็กๆ บริเวณหัวตาบนและล่าง (puncta), ผ่านท่อเล็กๆ (canaliculi), ไปยังถุงน้ำตา (lacrimal sac) และสุดท้ายไหลลงสู่จมูกทางท่อน้ำตา (nasolacrimal duct). เวลาที่เรากะพริบตา ระบบนี้จะช่วยปั๊มน้ำตาออกไป
ถ้าท่อน้ำตาอุดตันจะเกิดอะไรขึ้น?
เมื่อท่อน้ำตาอุดตัน น้ำตาจะไม่สามารถระบายออกได้ ทำให้เกิดอาการ:
- น้ำตาไหลตลอดเวลา
 - มีมูกหรือขี้ตาที่หัวตา
 - ตามัวจากน้ำตามากเกินไป
 - บวม แดง หรือเจ็บบริเวณหัวตา
 
ในบางครั้งอาจเกิดการติดเชื้อได้หากมีน้ำตาและมูกค้างอยู่
การรักษาท่อน้ำตาอุดตันในผู้ใหญ่
- การรักษาแบบไม่ผ่าตัด: การประคบอุ่น ยาหยอดตาฆ่าเชื้อ หรือหัตถการเล็กๆ เพื่อเปิดรูระบายน้ำตา อาจช่วยได้ในบางราย
 - การผ่าตัด (DCR):
วิธีที่ได้ผลดีที่สุดในผู้ใหญ่คือ การผ่าตัดเปิดท่อน้ำตาเข้าสู่โพรงจมูกใหม่ (Dacryocystorhinostomy – DCR) โดยศัลยแพทย์จะสร้างทางระบายน้ำตาใหม่จากถุงน้ำตาเข้าสู่จมูก โดยไม่ผ่านท่อน้ำตาที่อุดตัน- อาจใส่ท่อซิลิโคนเล็กๆ ชั่วคราวเพื่อช่วยเปิดทางระบายน้ำตาระหว่างที่แผลหาย
 - การผ่าตัดทำได้ทั้งผ่านแผลเล็กที่ผิวหนังหรือผ่านโพรงจมูก
 - ส่วนใหญ่เป็นการผ่าตัดแบบผู้ป่วยนอก ฟื้นตัวเร็ว
 
 
ถ้าการอุดตันอยู่ในตำแหน่งสูงกว่านี้ เช่น ใน canaliculi อาจต้องผ่าตัดแบบ CDCR โดยใส่ท่อแก้วเล็ก (Jones tube) เพื่อระบายน้ำตา ซึ่งต้องดูแลทำความสะอาดเป็นระยะ
ความเสี่ยงและการฟื้นตัว
ส่วนใหญ่ผู้ป่วยหายดีหลังผ่าตัด DCR ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ มีรอยช้ำ บวม หรือตกเลือดเล็กน้อยในจมูก ซึ่งจะหายเองได้ใน 1–2 สัปดาห์ ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อย เช่น แผลติดเชื้อ แผลตีบตัน หรืออาจต้องผ่าตัดซ้ำหากอาการไม่ดีขึ้น
สรุป
ท่อน้ำตาอุดตันในผู้ใหญ่ทำให้มีน้ำตาไหลและติดเชื้อได้ง่าย แต่การผ่าตัด DCR เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดในการรักษา ปกติผู้ป่วยจะดีขึ้นชัดเจนหลังการรักษา โดยมีจักษุแพทย์เฉพาะทางสาขาศัลยกรรมจักษุตกแต่งและเสริมสร้างดูแลอย่างใกล้ชิด
